Short Fic Attack on Titan[Levi x Eren] : อย่าทำให้ฉันหึงสิ
อย่าทำให้ฉันหึงจะดีกว่านะ เจ้าเด็กเหลือขอ....
ผู้เข้าชมรวม
11,609
ผู้เข้าชมเดือนนี้
61
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Short Fic [ Rivaille x Eren]
Titan [Title XD] : อย่าทำให้ฉันหึงสิ…เอเลน
…………………………………………………………………………………………………………………
“เอเลน”
“ครับ’’
‘’เอเลน”
“ครับ?”
“เอเลน”
“คะ…อุ๊บบ!!??”
ตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อริมฝีปากบางถูกประกบแน่นอย่างรวดเร็ว ลิ้นร้อนหยอกเหย้าเคล้าคลึงหาความหวาน มือหนาสอดเข้าลูบไล้ผิวเนียนผ่องบนแผ่นหลังอย่างรู้งาน มีผลให้ร่างบางสะดุ้ง พยายามส่งเสียงทัดทานออกไป
“อะ อื้อ…อุ๊บบ” ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป ทันทีที่ปากบางเผยอขึ้น ลิ้นร้อนเข้าจู่โจมเกี่ยวกระหวัดทันที จูบร้อนแรงยาวนานดูดซับความหวานทั่วโพรงปากอย่างไม่รู้เบื่อ มือหนาเปลี่ยนจากลูบไล้มาโอบเอวบางไว้หลวมๆเนื่องจากคนในอ้อมแขนกำลังหมดสิ้นเรี่ยวแรงทรงตัว และก่อนที่จะหมดลมหายใจไปซะก่อน เขาจึงยอมถอนจูบออกอย่างนึกเสียดาย
“ฮ๊า ฮ๊า….ฮ๊า…อึก..” ร่างบางหอบหายใจ พยายามหายใจให้เป็นจังหวะปกติ ริมฝีปากขึ้นสีกุหลาบเห่อช้ำเล็กน้อย ตาคู่สวยคลอไปด้วยหยาดน้ำใสเงยสบคนตรงหน้าอย่างงุนงงสงสัยปนหวาดระแวง
“เป็นความผิดของนายเองนะเอเลน” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยดังขึ้น เรียวตาคมจ้องมองใบหน้าหวานที่ยังคงหอบน้อยๆ ปากบางที่ขึ้นสีสดยิ่งขับให้ใบหน้าอ่อนเยาว์ดูน่ารักขึ้นไปอีก ทำให้เขาแทบอดใจไม่ได้ยื่นมือไปคว้าเอวบางของคนที่ยังไม่ทันระวังตัวเข้ามาแนบกายก่อนจะฝังจูบหนักๆข้างซอกคอขาว
“หะ หัวหน้าครับ!??...เดี๋ยวก่อ...อ๊ะ!?…” มือบางพยายามตามตะครุบมือปลาหมึกที่เริ่มซุกซนอีกรอบ แต่ก็ต้องยอมแพ้เพราะสู้แรงคนตรงหน้าไม่ได้จึงรีบร้องถามผู้เป็นหัวหน้าออกไปทันที
“ผะ ผมไม่เข้าใจว่าผม ทะ ทำผิดอะไรครับ…อ๊ะ!?….” เอเลนถามอย่างตะกุกตะกักพลางปัดป้องมือซนไปด้วย ก่อนจะตกใจเมื่อมือคู่นั้นกำลังจะถอดเสื้อและกางเกงของเขาออกไป!?
“ทำเรื่องไว้แล้วแกล้งลืมงั้นหรอเจ้าเด็กนี่” รีไวคิ้วกระตุก จับร่างบางกดลงกับโซฟา เขาไม่เคยรู้สึกร้อนรุ่มแบบนี้มาก่อน ร้อนรุ่มจนแทบทนไม่ได้ แต่เจ้าเด็กนี่กลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้งั้นเหรอ!?
“เอ๊ะ!? ผะ ผมทำอะไรเหรอครับ?” ทั้งๆที่ตาคู่สวยเบิกโตอีกครั้งด้วยความตกใจ แต่ก็พยายามเรียบเรียงคำพูดและปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติด้วยกลัวว่าจะทำให้คนตรงหน้าโกรธแล้วตัวเองจะโดนทำอะไรก็มิ[ดีมิร้าย]อาจรู้ได้
“ถ้าคิดไม่ออกฉันจะไม่หยุดหรอกนะเอเลน”
“อุ๊บบ!!?.....”
กลีบปากบางสีกุหลาบถูกประกบลงมาอีกครั้งอย่างนุ่มนวลดูดดื่ม มือหนาสอดล้วงเข้าลูบไล้หน้าท้องเนียนและทำท่าจะลูบสูงขึ้นเรื่อยๆ เอเลนสะดุ้งพยายามดันมือนั้นไว้ แต่มืออีกข้างของคนตรงหน้ากลับกำลังล้วงไปนวดคลึงสะโพกบางแผ่วเบา เอเลนรีบเปลี่ยนมาปัดมือนั้นออกทันที แต่ก็เป็นการเปิดโอกาสให้เสื้อถูกเลิกสูงขึ้นจนเกือบจะเผยแผ่นอกเนียนอีกครั้ง ใจเจ้ากรรมเริ่มเต้นรัวขึ้นเนื่องด้วยบัดนี้ผู้เป็นเจ้าของตระหนักได้ถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัว
“อื้อ..อื้อ!...”
เอเลนพยายามส่งเสียง มือบางยกขึ้นดันแผ่นอกแกร่งแต่คนตรงหน้าไม่สะดุ้งสะเทือนแต่อย่างใด ซ้ำยังเหมือนเป็นการเร่งเร้าอารมณ์คนข้างบนให้ร้อนแรงขึ้นเท่านั้น ตอนนี้เสื้อผ้าอยู่ในสภาพแทบจะหลุดลุ่ย มือบางพยายามตะครุบและปัดป่ายมือซนออกให้พ้นตัว ในหัวเริ่มขาวโพลนแต่เอเลนพยายามเรียกสติพลางนึกถึงเรื่องราวที่เขาเคยไปทำอะไรไว้เพราะเป็นทางเดียวที่เขาจะรอดจากอันตราย[?]ครั้งนี้ไปได้
คิดสิ คิดสิ เอเลน เยเกอร์ นายไปทำเรื่องยุ่งอะไรไว้ถึงทำให้หัวหน้า…..คิดเร็วเข้า !!
ตาคู่สวยหลับปี๋ แต่ยังรับรู้รสสัมผัสที่ริมฝีปากตนเองอยู่ หลังจากจูบเนิ่นนาน คนตรงหน้าก็เพียงปล่อยให้เขามีโอกาสหอบหายใจเล็กน้อยก่อนจะเข้าครอบครองต่อ ทำอย่างนี้เรื่อยไปโดยมิรู้เบื่อ เนื่องจากปากบางที่ขึ้นสีเรื่อดูจิ้มลิ้มจนไม่อาจละเลยไปที่อื่นได้
แต่เพียงไม่นานตาคู่สวยก็เบิกโพลงขึ้นอีกครั้ง ด้วยเหมือนเจ้าตัวจะนึกได้ถึงอะไรบางอย่าง…
ระ หรือว่า……หรือว่าตอนนั้น……….
ก๊อก ก๊อก
“เอเลน”
“……………….”
“เอเลน อยู่รึเปล่า??”
“…………………..”
“เฮ้ยย! เจ้าหนู!”
“……………………………….”
“ชิส์….”
บุรุษเรือนผมสีดำสนิท รูปร่างสมส่วนแข็งแรงเพียงสบถแล้วตัดใจยอมเดินกลับไป เขาตั้งใจจะเอาสมุดบันทึกที่เด็กหนุ่มลืมไว้มาคืนให้ แต่สงสัยเจ้าตัวคงจะหลับไปแล้วหรือไม่ก็คงอยู่กับเพื่อนสาวคนสนิทก่อนที่จะกลับห้องตัวเอง เนื่องจากตอนนี้ก็เพิ่งเลยเวลากินข้าวมาไม่นานเท่าไหร่ ซึ่งบางทีเขาคงมาเร็วเกินไป??
ขาแกร่งก้าวขึ้นบันไดอย่างมั่นคงเพื่อมุ่งตรงสู่ห้องทำงานของตนเองที่อยู่ชั้นสามของปราสาท แต่ขณะเดินอย่างเงียบๆ เขาก็ได้ยินเหมือนเสียงฝีเท้าที่กำลังรีบเร่งตรงมาทางห้องใต้ดินที่เขากำลังจะเดินสวนกลับออกไป ใบหน้าคมยังคงนิ่ง แต่แววตาแสดงออกถึงความสงสัย ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้มาพบเด็กหนุ่มที่ห้องใต้ดินนอกจากเขาที่เป็นหัวหน้าหรือคนที่ได้รับคำสั่งมาเท่านั้น คิดแล้วจึงตัดสินใจเร้นกายเข้าซ่อนที่เงามืดข้างกำแพง เฝ้ารอคอยบุคคลลึกลับที่แอบลักลอบลงไปชั้นใต้ดิน
…………………..,,,,,,,,,,,,,,,,,,แจน กิลชูไตร์…??………………………………
เรียวตาคมฉายแววดุดันแต่ใบหน้ายังคงสงบนิ่ง คิดในใจอย่างนึกสงสัยอยู่ในที ‘แจน กิลชูไตร์ เพื่อนของเจ้าเด็กเหลือขอนั่น…มาทำอะไรที่นี่??’ คิดแล้วให้คิ้วขมวด เมื่อร่างโปร่งของเด็กหนุ่มนามว่า แจน เดินอย่างเร่งรีบโดยไม่ทันระวังหรือติดใจสงสัยว่ามีคนแอบซุ่มดูอยู่เดินผ่านไป ผู้เป็นหัวหน้าทหารจึงตัดสินใจเดินตามอย่างเงียบเชียบ
ก๊อก ก๊อก
“เอเลน”
“………………….”
“เฮ้ยย เอเลนน”
แม้จะส่งเสียงดังขึ้นอีกนิด แต่ก็พยายามบังคับไม่ให้ดังเกินไป แจนมองซ้าย-ขวา-หน้า-หลัง อย่างเลิ่กลั่ก เนื่องด้วยกลัวจะมีคนเห็นว่าเขาแอบลงมาหาเด็กหนุ่มเพื่อนร่วมรุ่นโดยไม่ได้รับอนุญาตซะก่อน
“เอเลน แกอยู่ในนั้นใช่มั้ย?”
“อะ อือ………”
ม้า[หนุ่ม]แสยะยิ้มด้วยความยินดีเมื่อได้ยินเสียงตอบดังมาจากด้านใน ก่อนจะเคาะเบาๆอีกรอบเพื่อเร่งให้คนเพิ่งตื่นนอนเดินมาเปิดประตูเร็วๆ
เอเลนที่กำลังนอนหลับสนิทชนิดฝันหวานในรอบหลายปีจุ๊ปากอย่างขัดใจ คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อย ปรือนัยน์ตาคู่สวยขึ้นอย่างเซ็งๆ ที่จริงเขาได้ยินเสียงเคาะประตูมาซักพักนึงแล้วแต่พยายามทำเป็นหูทวนลมหลับต่อ ก็ไม่คิดว่าคนหน้าประตูจะไม่ยอมไปเสียที ร่างบางดันตัวขึ้นนั่งช้าๆ ก่อนจะเดินโซเซมาเปิดประตูให้อย่างหน่ายๆ
“ทำอะไรของแกอยู่วะ? ช้าเป็นบ้า!!” เมื่อประตูเปิดพร้อมใบหน้าหวานที่กำลังง่วงงุนโผล่หน้าออกมา แจนไม่รอช้าพ่นคำบ่นใส่เจ้าของห้องทันที
“อะไรวะ ถ้าจะมาเพื่อมาบ่นงั้นมาทางใหนเชิญกลับไปทางนั้นเลยนะครับท่าน..” คำบ่นของแจนมีผลให้เส้นเลือดข้างขมับเต้นตุบๆ ตาสว่างทันที ตาคู่สวยจ้องมองใบหน้าเพื่อนหน้าม้าอย่างเคืองๆพลางพูดแดกดันกลับไปให้หายแค้น ลืมคิดไปเลยว่าเจ้าตัวลงมาหาเขาได้ยังไง? ได้รับอนุญาตจากหัวหน้าทหารรีไวมาแล้วหรือเปล่า?
“เออ ช่างเถอะ ตอนนี้ขี้เกียจเถียง ขอเข้าไปก่อนละกัน เสียวหลังโว้ยย!?”
“เฮ้ยย อะไรวะ? เดี๋ยวสิ! อ๊ะ!!?”
แจนคิดว่าตั้งแต่มาถึงหน้าห้องของเอเลนเขาก็รู้สึกขนลุกซู่และเสียวสันหลังอย่างแปลกๆ บอกไม่ถูกเหมือนกัน แต่เขารู้สึกได้ว่า ‘มันน่ากลัว..’ ดังนั้นเมื่อเพื่อนเปิดประตูเขาจึงไม่อยากจะเสียเวลาทักทายนาน รีบพูดตัดบทก่อนจะก้าวเท้าพุ่งเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว และโดยที่เจ้าของห้องยังไม่ทันตั้งตัว แขนแกร่งจึงชนเข้ากับไหล่บางที่ยังทรงตัวไม่ค่อยดี เอเลนอุทานเสียงเบาเกือบจะทรุดตัวล้มไปกองกับพื้นก่อนที่วงแขนแกร่งจะรีบเอื้อมมาโอบเอวบางไว้ได้ทัน
ภาพที่เห็นตรงหน้าราวกับภาพสโลว์โมชั่นในห้วงความคิด ซึ่งเรียกให้นัยน์ตาเรียวคมในความมืดยิ่งจ้องเขม็ง แม้สีหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแต่มือหนาที่ถือสมุดบันทึกอยู่เผลอกำแน่นโดยไม่รู้ตัว ทั้งร่างกายยังร้อนรุ่มอย่างกับมีคนมาสุมเพลิง
‘หึ เจ้าเด็กเหลือขอ…..ทั้งหมดนี่มันเป็นความผิดของนายเองนะ..’
ปัง !!
เสียงประตูปิดดังเข้ามาในโสตประสาท ภาพบาดตาตรงหน้าหายไป แต่กลับเรียกรอยยิ้มเย็นขึ้นที่ริมฝีปากแทน นัยน์ตาเรียวคมแข็งกร้าวจ้องเขม็งไปที่ประตูบานเดิมอย่างหมายหมาด
‘เรียกผู้ชายให้มาหาถึงห้องยามค่ำคืน…หึหึหึ….ตอนฉันลงโทษก็อย่าได้มาโอดครวญละกัน !!’
ใบหน้าคมเย็นชา เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ พยายามระงับอารมณ์อย่างเต็มที่ก่อนหันหลังกลับเดินขึ้นบันไดอย่างเดือดดาลด้วยตอนนี้ยังไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่นและเขาคิดบทลงโทษสำหรับเด็กหนุ่มคนสำคัญอย่างสาสมเอาไว้แล้ว คิดถึงตรงนี้พลันปรากฏรอยยิ้มเหี้ยมขึ้นก่อนจะหายวับไปกับความมืดของรัตติกาล
“เออ ขอบใจ”
เอเลนนิ่วหน้าส่งคำขอบใจห้วนๆไปให้คนที่ชนเขาเกือบล้มแต่ก็ยังอุตส่าฉุดไว้ให้เมื่อครู่ บัดนี้เขาตาสว่างเต็มขั้นเนื่องจากถูกชนแต่คนที่ชนดูเหมือนหลังจากช่วยก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก เดินดุ่มๆมุ่งตรงไปค้นกองเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ซักของเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย
“เฮ้ย ทำอะไรน่ะ??” เอเลนมองเสื้อผ้าตัวเองที่พร้อมใจกันลอยละลิ่วมาตกบนเตียงบ้าง หน้าประตูบ้างแล้วอดไม่ไหวจึงเอ่ยถามออกไปโดยพยายามข่มความหงุดหงิดไว้เต็มที่
“ เสื้อคลุมทีมสำรวจที่ฉันให้แกยืมไปอยู่ใหนเอเลน?” แจนถามกลับโดยไม่หันมามองหน้า เขายังคงก้มหน้าก้มตาหาต่อไปอย่างไม่ย่อท้อแต่หน้าเริ่มบูดเข้าไปทุกทีเมื่อยังไม่เจอสิ่งที่ตัวเองต้องการ
“แล้วทำไมแกถึงอยากได้เอาตอนนี้ ห๊ะ??” เอเลนก็ยังคงถามต่ออย่างหงุดหงิด เขาก็เพิ่งรู้สึกตัว นี่มันลงทุนเสี่ยงตายหากหัวหน้าจับได้มาค้นหาเสื้อคลุมทีมสำรวจที่ตอนออกลาดตระเวนเขาไม่มีเวลากลับลงมาเอา[เนื่องจากลืม] เห็นว่าเดินสวนมันพอดีและเป็นโชคดีที่วันนั้นมันอยู่เวรเฝ้าปราสาทไม่ได้ออกไปใหน เขาจึงจำใจขอร้องยืมเสื้อคลุมมันมาก่อนแล้วสัญญาว่าจะซักคืนกลับไปให้ ผ่านไปวันเดียวลืมซักคืนหน่อยถึงกับลงมาตามทวงถึงที่เลยทีเดียว กะอีแค่เสื้อคลุม จะอะไรนักหนาวะ -^-
“พรุ่งนี้ฉันจะออกไปลาดตระเวนกับมิคาสะ ตอนเข้าทีมสำรวจใหม่ๆ เธอเป็นคนยื่นเสื้อคลุมนี่ให้ฉันเลยนะว้อยย! ถึงจะให้แกด้วยก็เถอะ -*- แต่ฉันไม่เหมือนแก เสื้อคลุมนั่นมันโดนมิคาสะจับมาแล้ว ฉันจำเป็นต้องดูแลมันอย่างดี”
อ้อ….อย่างนี้เองสินะ เสื้อคลุมสำคัญที่สาวเจ้าเป็นคนนำมาให้...มิน่าถึงได้ดูหวงนัก…= =
เอเลนคิดมองใบหน้าที่กระตือรือร้นเมื่อพูดถึงมิคาสะเพื่อนสาวคนสนิทของเขาแล้วชักสงสาร เท่าที่รู้เธอยังไม่เคยมองผู้ชายคนใหนเป็นพิเศษมาก่อนเลย[รึเปล่านะ?] ที่เธอปฏิบัติกับเขาเพราะเห็นเป็นเคนในครอบครัวก็เท่านั้น[น่าจะ…]
เฮ้ออ…..เอาเถอะแจน…..ฉันขอเอาใจช่วยแกเงียบๆละกัน……
“มิคาสะเอาไปซักให้น่ะ” เอเลนตัดสินใจโพล่งขึ้น มองใบหน้าที่ดูตกใจแต่ติดจะตื่นเต้นนิดๆของแจนแล้วเกือบจะอดขำไม่ได้
“ห๊ะ ว่าไงนะ??”
“ฉันบอกว่ามิคาสะเอาไปซักให้อยู่ เพราะงั้นพรุ่งนี้แกคงจะได้รับมันจากมือมิคาสะเองนั่นแหละ”
“อ่า อืม….”
เขาพูดความจริงนะ ขากลับจากลาดตระเวนกับหัวหน้าพวกเขาบังเอิญเผชิญหน้ากับไททันขนาด 7 เมตรเข้าเขาจึงอาสาจัดการให้เอง เสื้อคลุมจึงเปื้อนเลือดมาตอนนั้น พอกลับมาถึงมิคาสะก็ตกใจใหญ่นึกว่าเขาได้รับบาดเจ็บเพราะเลือดของไททันกระเด็นมาเปื้อนเสื้อคลุมเต็มไปหมด เขาบอกเธอว่าตัวเองไม่เป็นไร มิคาสะเลยเปลี่ยนมาอาสาเอาเสื้อคลุมไปซักให้ซะงั้น สงสัยจะนึกว่าเป็นของเขานั่นล่ะ
อ่า โทษทีนะ ตรงนี้คิดว่าไม่บอกนายคงจะดีกว่า…….
เอเลนคิดมองใบหน้าที่ปรากฏรอยแดงเถือกของแจนแล้วแอบส่ายหน้าอย่างอ่อนใจปนเห็นใจนิดๆ อาการตื่นเต้นดีใจจนออกนอกหน้าขนาดนี้ ปล่อยให้เข้าใจไปแบบนั้นแหละน่าจะดีกับเจ้าตัวที่สุดแล้ว…
“ทีนี้จะไปได้รึยังฉันจะนอน” เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์ค้นกองเสื้อผ้าเริ่มสงบ เอเลนจึงออกปากไล่ทันที นี่มันก็เลยเวลามาจนดึกแล้ว เขาอยากรีบเข้านอนเพื่อพรุ่งนี้จะได้ไม่ไปทำงานสาย เดี๋ยวนี้แค่ไปเคาะประตูห้องหัวหน้าช้าไปแค่ 1 นาที เขาก็จะได้รับบทลงโทษทันที
บทลงโทษที่แค่คิดก็ทำให้ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นสีเรื่อได้ตลอด มือบางเผลอยกขึ้นไล้ริมฝีปากของตนอย่างลืมตัว….น่าอายจริงเชียว…..
แจนมองดูใบหน้าของคนออกปากไล่อย่างงงๆเพราะอยู่ๆเจ้าตัวก็นิ่งเงียบแล้วหน้าแดงขึ้นมาซะเฉยๆ เป็นอะไรของมันวะ?
“เฮ้ย เป็นอะไรรึเปล่า?” เขาเอ่ยปากถามอย่างสงสัย หน้าแดงนี่มันอะไร ไม่สบายรึว่ากำลังคิดเรื่องลามกกับมิคาสะของเขาอยู่กันแน่? คิดถึงตรงนี้ใบหน้าก็เริ่มบึ้งตึงขึ้นมาอีกครั้ง
“ปะ เปล่า….ช่างฉันเถอะน่า แกไปได้แล้วไป๊ ชิ้วๆ !!”
“?? อะ เออ….ฉันไปล่ะ..” ม้าหนุ่มยังคงมองอาการของเพื่อน[สาว?] อย่างแปลกใจ ยิ่งตอนนี้ใบหน้าของมันแดงเถือกยิ่งกว่าเดิมแต่ก็ยอมเดินออกไปแต่โดยดี
เช้าวันรุ่งขึ้น
เอเลนตื่นนอนแต่เช้าตามปกติ จัดแจงทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยก็รีบเดินขึ้นชั้นบนมุ่งตรงไปห้องหัวหน้าทหารคนสำคัญอย่างร่าเริง
เอาล่ะ….วันนี้เรามาเช้า คงจะไม่โดนลงโทษอะไร…..
ใบหน้าหวานขึ้นสีจางๆอย่างน่ารักก่อนที่เจ้าของจะรีบส่ายหน้าเร็วๆไล่อาการขัดเขินออกไป สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ยื่นมือไปเคาะประตู
ก๊อก ก๊อก
“ขออนุญาตครับหัวหน้า”
“…เชิญ”
เมื่อเสียงทุ้มต่ำดังตอบรับ เอเลนจึงรีบเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องอย่างกระตือรือร้น หัวหน้ายังคงนั่งจิบชาที่โต๊ะทำงานพร้อมกับตรวจรายงานอย่างเคย เอเลนยิ้มน้อยๆเดินตรงไปนั่งที่โซฟาเพื่อแยกเอกสารให้หัวหน้าต่ออย่างรู้งาน
นัยน์ตาคมทอดมองใบหน้าหวานเขม็ง ในใจรู้สึกหงุดหงิดปนหมั่นไส้อยู่ในที
‘หึ วันนี้ดูสดใสอารมณ์ดีมาเชียวนะ เมื่อคืนคงสนุกมากสิท่า…’
คิดแล้วมือที่ถือถ้วยชาอยู่เผลอบีบแน่นจนหูถ้วยเกือบจะหัก สายตายังคงจ้องมองใบหน้าหวานอย่างตัดสินใจ ใช่ ถ้าเขาไม่ทำอะไรซักอย่างคงจะดับความร้อนรุ่มนี้ไม่ได้แน่….
“เอเลนขยับหน่อยฉันจะนั่ง”
“เอ๊ะ? อ่า..ครับ..”
เอเลนไม่กล้าขัดเมื่อเงยหน้าขึ้นสบเรียวตาคมที่จ้องมองมาอย่างดุดัน คิ้วเรียวขมวดด้วยความสงสัยเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามออกไปจึงเพียงขยับตัวนิดหน่อยตามคำสั่งก่อนที่จะสะดุ้งเมื่อผู้เป็นหัวหน้านั่งลงอย่างรวดเร็วและเข้าประชิดตัวเขาในทันที
“เมื่อคืนฉันยอมให้นายสนุกมาเต็มที่ แต่วันนี้นายเตรียมรับบทลงโทษได้เลยเจ้าหนู”
โดยไม่รอให้ตัวเองพูดจบเพราะวงแขนแกร่งเอื้อมไปโอบกระชับเอวบางแน่น ใบหน้าหวานตกใจเงยสบคนตรงหน้าอย่างหวาดๆแต่กลับเป็นการเปิดโอกาสให้กลีบปากบางถูกช่วงชิง
“อื้อ อื้อ ฮ๊า…ดะ เดี๋ยวก่อนครับ ผะ ผมไม่เข้าใจ!!?? อุ่บบ…”
มือบางยกขึ้นดันแผ่นอกแกร่ง เพื่อให้เรียวปากเป็นอิสระ เมื่อพอจะมีจังหวะเล็กน้อยเขาจึงรีบพูดก่อนที่จะถูกรวบแขนไว้ได้ทันและเสียงโดนกลืนหายไปในลำคออีกครั้ง
อ้อมแขนแกร่งที่โอบรัดเอาบางอยู่เปลี่ยนมาเป็นจับสะโพกและค่อยๆกดไหล่เด็กหนุ่มลงกับโซฟา รีไวไม่ปล่อยให้คนในอ้อมกอดได้ตั้งตัว มือหนาไล้แผ่นอกบาง เอเลนสะดุ้งพยายามตะครุบมือซนเป็นพัลวัน
และก่อนที่อะไรๆจะดำเนินต่อไปตามทางของมัน เสียงสวรรค์ก็ดังขึ้นช่วยชีวิตร่างบางไว้ก่อน เมื่อประตูถูกเปิดกระชากออกอย่างแรงตามนิสัยเคยชินของผู้เป็นหัวหน้าหมู่สาวแว่น เธอฉีกยิ้มกว้างทันทีเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ไม่ได้รู้สึกตกใจแม้แต่น้อยก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ
“มอร์นิ่งคิสกันรึไง หือ รีไว?? อุ๊บบ ฮิฮิ…”
ไม่พูดเปล่าเธอเดินมาหยุดอยู่หน้าโซฟา จงใจมองผู้เป็นหัวหน้าที่กำลังคร่อมร่างบางของเด็กหนุ่มอยู่ สายตาสบมองใบหน้าหวานที่ขึ้นสีอย่างอายๆ ตาคู่สวยคลอด้วยหยาดน้ำใส หันไปมองใบหน้าคมที่ยังคงนิ่งไม่รู้ร้อนรู้หนาว แต่เส้นเลือดปูดที่ข้างขมับตุบๆบ่งบอกว่ากำลังถูกขัดใจ ฮันซี่ส่ายหน้าเบาๆด้วยชักเริ่มรู้สึกเห็นใจเด็กหนุ่มที่เดี๋ยวนี้คงจะโดนเอาเปรียบแทบทุกวันโดยตาแก่ที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังหึงโหดอยู่….
“อ่ะ เอ่อ…ดะ เดี๋ยวผมไปชงชาใส่จานมาให้นะครับคุณฮันซี่”
เอเลนอาศัยจังหวะที่หัวหน้ารีไวชะงักค้างไปรวมรวบกำลังดันแผ่นอกแกร่งขึ้น รีบแทรกตัวออกมาทันที มือบางสาละวนจัดการเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยอย่างลวกๆ เอ่ยปากบอกผู้เป็นหัวหน้าหมู่ถูกๆผิดๆ ก่อนจะรีบพุ่งตัวออกจากห้องไปด้วยใจเต้นแรงและใบหน้าร้อนผ่าว….
ใช่แล้ว…..ต้องเป็นเรื่องนี้แน่ๆ…….
….หัวหน้ากำลังเข้าใจผิดอยู่…..เราต้องรีบอธิบาย !! …….
แต่ว่า..เดี๋ยวก่อนนะ………ตอนนั้น…….เราได้คุณฮันซี่ช่วยไว้……….
แล้วตอนนี้ล่ะ !!???
“อ๊า หะ หัวหน้าครับ ระ รอเดี๋ยวก่อน !??”
เอเลนรีบร้องบอกทันทีเมื่อเพิ่งรู้สึกตัวว่าสะโพกถูกยกขึ้นและขาเรียวกำลังถูกจับพาดไปที่บ่าแกร่ง ตอนนี้ร่างบางไม่เหลือเสื้อผ้าคลุมกาย ตาคู่สวยเบิกขึ้นอย่างตื่นตระหนก มือบางดันหน้าท้องแกร่งเอาไว้สุดกำลัง
นี่เขามัวแต่คิดอะไรอยู่เนี่ย กะ เกือบไปแล้วไง…
“ผะ ผมคิดออกแล้วครับ คือว่าหัวหน้าครับ นั่นนะ หัวหน้ากำลังเข้าใจผิ…อุ่บบ…”
เอเลนพยายามอธิบายอย่างรวดเร็วแต่ยังไม่ทันได้ลงรายละเอียดอะไรมือหนาของผู้เป็นหัวหน้าก็ยื่นมาปิดปากบางซะก่อน พร้อมกับใบหน้าคมที่ก้มลงมากระซิบของหูด้วยเสียงทุ้มนุ่มแต่กลับทำให้เด็กหนุ่มตัวสั่นเทา
“ถึงนายจะพูดอะไรตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วล่ะ ฉันทนไม่ไหวแล้วเอเลน…”
“ไม่! เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อนครับ!! อ๊า……….”
“อ้าวพวกนายยืนทำอะไรอยู่?? ทำไมไม่เข้าไปล่ะ??”
เสียงใสของหัวหน้าหมู่ฮันซี่เอ่ยถามอย่างอารมณ์ดี เธอเดินเอารายงานการทดลองเกี่ยวกับไททันตัวใหม่ที่เพิ่งจับได้มาแจ้งให้รีไวทราบ แต่พอเดินมาถึงกลับเห็นนายทหารสองคนยืนเก้ๆกังๆใบหน้าแดงก่ำอยู่หน้าห้อง เธอจึงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
“พะ พอดีเลยครับหัวหน้าหมู่ฮันซี่ พวกผม ฝะ ฝากรายงานการประชุมให้หัวหน้ารีไวด้วยนะครับ ขอตัวก่อน” พูดจบนายทหารทั้งสองคนก็ยัดรายงานใส่มือหัวหน้าหมู่สาวทันที และรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งจากไป ฮันซี่เพียงทำหน้างุนงงสงสัย ถอนหายใจก่อนจะเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องเตรียมเปิดออกอย่างเคย แต่แล้วก็ต้องชะงักค้าง อ้อ…มิน่าละ สองคนนั้นถึงไม่กล้าเข้าไป….
เสียงครางหวานดังเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินหน้าประตูห้อง ฮันซี่ตั้งใจแอบฟังอยู่พักนึงก่อนจะตัดสินใจหันหลังเดินลงบันไดจากไปพร้อมด้วยรอยยิ้มขำขันบนใบหน้า
‘วันนี้ฉันคงมาช้าไป…..ขอโทษด้วยนะเอเลน….อุ่บบ ฮิฮิ…….
เฮ้ออ…รีไว….นายนี่มันไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจมั่งเลย…..เอเลนต้องโตก่อนวัยซะแล้ว…’
ลั่นลันล๊า ฮันซี่คิด พลางเดินฮัมเพลงลงบันไดเพื่อกลับห้องทดลองของเธอ เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องของคนสองคนล่ะนะ ไว้เธอจะคอยเอื้ออำนวยโอกาสให้ละกันน ฮี่ฮี่…….
“เอเลนลุกไหวรึเปล่า?”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าร่างบางข้างกายเริ่มขยับตัว ใบหน้าหวานนิ่วหน้าเมื่อพยายามจะดันตัวเองให้ลุกขึ้นก่อนจะทรุดลงไปนอนเหมือนเดิมอย่างหมดแรง อดเคืองคนข้างตัวที่กำลังเอื้อมมือมาลูบหัวไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วทั้งความเจ็บร้าวที่สะโพกก็เรียกให้หยาดน้ำใสคลอดวงตาคู่สวย ตอนนี้แม้จะขยับตัวยังทำไม่ได้
“เฮย์โจวบากะ !! บ้า! บ้า! บ้า! บ้าที่สุดเลยย!! ฮึก..”
เหมือนความอดกลั้นถึงขีดสุด ปากบางจึงพูดรัวใส่ใบหน้าคมที่กำลังจะก้มลงมาใกล้อีกครั้งอย่างลืมตัว มือบางยกขึ้นหวังตีท่อนแขนแกร่งแต่ถูกมือใหญ่คว้าจับไว้ก่อน ตาคู่สวยสบมองนัยน์ตาคมสั่นระริกก่อนจะเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ เอเลนกระพริบตาอีกครั้งแต่ภาพตรงหน้าก็ยังคงไม่จางหาย…
หัวหน้า….กำลังยิ้ม…….
รีไวก้มมองดวงหน้าหวานที่ยังคงเบิกตาค้างอย่างแปลกใจ ใช่ ขนาดตัวเขาเองยังแปลกใจ…
รอยยิ้มที่เขาไม่รู้ว่ามันต้องทำยังไง….รอยยิ้มที่ตั้งแต่เกิดมาเขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยยิ้มครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่….แต่มาบัดนี้ ตั้งแต่ที่เขามีเด็กหนุ่มตัวยุ่งอยู่ข้างกาย ก็ไม่รู้ว่ากี่ครั้งที่เขาลอบยิ้มที่มุมปาก กี่ครั้งที่อยากจะหัวเราะออกมาดังๆกับความซุ่มซ่ามหรือตกใจกลัวตัวเขาของเด็กหนุ่มตรงหน้า หรือแม้แต่เวลาที่ต้องปลอบใจ..เขาก็อยากจะยิ้มให้มากกว่าการทำหน้าดุๆ แต่อีกใจก็อยากสอนให้เจ้าตัวมีความเข้มแข็ง แต่สำคัญที่สุดคือ เขาไม่รู้ว่าถ้าเขายิ้มแล้วเจ้าเด็กนี่จะรู้สึกยังไง…..
คนที่ทำให้เขาต้องว้าวุ่นและปั่นป่วนหัวใจได้คงมีแต่เจ้าเด็กนี่คนเดียว…..หึหึ…
ร่างบางสะดุ้งเมื่อใบหน้าคมก้มลงมาใกล้ ใจเริ่มกลับมาเต้นแรง ตาคู่สวยหลับปี๋อย่างไม่แน่ใจและเพียงไม่นานเสียงทุ้มนุ่มก็ดังขึ้นข้างหูอีกครั้ง
“ฉัน…….”
ฉัน?
“ฉัน……..”
ฉัน?
“…………….”
“เอ่อ เป็นอะไรรึเปล่าครับหัว…อุ่บบ…”
เอเลนเพียงจะถามเพราะสงสัย แต่ริมฝีปากบางก็ถูกปิดไปซะก่อน รีไวจูบซับความหวานคล้ายเพื่อจะเพิ่มความมั่นใจให้กับตนเองก่อนจะถอนจูบออกมามองใบหน้าหวานซึ้ง
“ฉันรักนาย”
ถ้อยคำสั้นๆแต่เปี่ยมไปด้วยความหมาย ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงเรื่อ รู้สึกเหมือนกับหัวใจพองโตจนคับอก วันนี้มันวันอะไรกันถึงมีแต่เรื่องให้เขาประหลาดใจเยอะแยะไปหมด ตาคู่สวยคลอด้วยหยาดน้ำใส แต่ยังไม่ทันได้ร้องไห้ด้วยความซาบซึ้งใจเสียงทุ้มข้างหูก็ดังเบาๆขัดขึ้นก่อน
“คำตอบล่ะ?”
“เอ๊ะ!? เอ่อ….” เอเลนอ้ำอึ้งเพราะยังไม่ทันได้ตั้งตัว แต่เมื่อมองสบนัยน์ตาคมที่จ้องมองมาเขาจึงจำต้องรีบตอบออกไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“ผะ ผมรักหัวหน้าครับ”
“ไม่ใช่”
“เอ๊ะ??”
“พูดใหม่สิ”
“อะ เอ่อ…ผมรักคุณ….”
“ก็ยังไม่ใช่”
“……………………..”
“อะไร อย่าเงียบสิ”
“……………………………………”
“กล้าดีนี่เจ้าเด็กเหลือขอ”
“……อุ๊บบ!!??.......อ๊ะ...ดะ เดี๋ยวก่อนครั….อุ่บบ….”
“……ว่าไง จะพูดได้รึยัง??”
“….ฮ๊า ฮ๊า…แค่กๆ…………..”
“……………………………..”
“อ๊ะ อ๊ะ….ยะ หยุดก่อน ผะ ผมจะพูดครับ!?”
“………………………………”
“อะ เอเลน…”
“แล้วไง?”
“เอเลน….”
“…………”
“เอเลนรักรีไว”
“หึหึ”
“เอ๊ะ? มะ ไม่ใช่เหรอครับหัว…อุ่บบ….”
“รีไวก็รักเอเลน…..”
Fin
ผลงานอื่นๆ ของ wiwiennaniya ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ wiwiennaniya
ความคิดเห็น